สถิติ
เปิดเมื่อ9/04/2015
อัพเดท12/07/2015
ผู้เข้าชม34813
แสดงหน้า38148
ปฎิทิน
April 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
  
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
   


น้ำนมแม่ คือ อาหารที่ดีที่สุด

อ่าน 149 | ตอบ 0
น้ำนมแม่ คือ อาหารที่ดีที่สุดน้ำน
                                                                                                                                                           พญ. ศิริพัฒนา ศิริธนารัตนกุล
                                       นมแม่  เป็น อาหารกาย  เพราะมีสารอาหารครบถ้วน ย่อยง่าย ร่างกายทารกดูดซึมไปใช้ได้ดี
                                       นมแม่ เป็น อาหารใจ  เพราะ การให้นมแม่เป็นการสานสายใย สายสัมพันธ์ทางใจระหว่างแม่กับลูก
                                       นมแม่ เป็น อาหารสมอง เพราะ น้ำนมแม่มีสารที่ร่างกายทารกนำไปใช้ในการสร้างเส้นใยประสาทในสมอง  และ การที่แม่อุ้มลูกขึ้นดูดนมแม่ เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัส ทั้งทางผิวหนัง ตา หู จมูก ลิ้น ทำให้สมองลูกมีการพัฒนาเชื่อมโยงใยประสาท
                                       การที่คุณแม่จะให้นมแม่ได้สำเร็จ ต้องเริ่มตั้งแต่แรกคลอด ให้ลูกดูดนมแม่เร็วที่สุดหลังคลอด ให้ลูกดูดนมแม่บ่อยๆ และ ดูดอย่างถูกต้อง
                                       คุณแม่หลายๆท่านอาจจะข้องใจว่า” ในวันแรกๆ ยังไม่รู้สึกคัดเต้านมเลย ให้ลูกดูดแล้วลูกจะได้อะไร  คำตอบคือ  “ลูกได้ความอบอุ่นใกล้ชิดกับแม่  แม่ลูกได้ทำความรู้จักกัน  และที่สำคัญที่สุดคือ ลูกได้ดูดกระตุ้นเต้านม ให้สร้างน้ำนมแม่”  
                                       เต้านมแม่เป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์ที่สุด เป็นอวัยวะที่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งครรภ์เพื่อเตรียมพร้อมสร้างน้ำนม  ไม่ว่าตอนก่อนท้องจะเต้าขนาดใหญ่หรือเล็ก หลังคลอดจะทำหน้าที่ผลิตน้ำนมได้เสมอภาคกันหมด   แต่ต้องมีการดูดที่เต้านม เป็นการส่งสัญญาณให้ร่างกายรู้ว่า ลูกคลอดออกมาแล้วนะ  มีลูกมาดูดรอน้ำนมอยู่แล้วนะ เริ่มผลิตได้แล้ว   การดูดนมแม่บ่อยๆเร็วที่สุดหลังคลอด จึงเป็นการกระตุ้นให้น้ำนมแม่หลั่งออกมา    ยิ่งดูดบ่อยน้ำนมจะผลิตออกมายิ่งเร็ว   ในช่วงนี้จึงไม่ต้องให้นมผสมหรือน้ำเลย เพราะ จะเป็นการแย่งที่ในกระเพาะอาหารลูก ทำให้ลูกไม่อยากดูดนมแม่ นมแม่จะยิ่งมาช้า หรือไม่มาเลย   
                                       นอกจากนี้ การที่ให้ลูกดูดจุกนมยางจะทำให้ลูกติดจุก  ติดการไหลเร็วของนมในขวด ทำให้เมื่อไปดูดนมแม่จากเต้าจะร้องหงุดหงิด และหัวนมแม่อาจจะเจ็บเป็นแผลได้  เพราะ ลูกใช้วิธีการดูดจุกนมยางไปดูดนมแม่ คือลูกอ้าปากไม่กว้างและดูดเฉพาะหัวนม  น้ำนมแม่จึงไม่ไหล และ แม่รู้สึกเจ็บหัวนม             
                                       คุณแม่ก็อาจจะเป็นห่วงอีกว่า  “น้ำนมแม่จะเพียงพอสำหรับลูกหรือ?”   ก็ต้องบอกว่า  ทารกแรกเกิดครบกำหนดในช่วงวันแรกๆไม่ได้ต้องการน้ำนมอะไรมากมายเลย เพราะ เขามีเก็บสะสมอยู่ในไขมันใต้ชั้นผิวหนังอยู่แล้ว  แค่น้ำนมแม่ช่วงแรกๆนี้แหละก็พอแล้ว และลูกยังได้ภูมิต้านทานอีกมากมายในน้ำนมด้วย  เมื่อลูกดูดนมแม่ไปเรื่อยๆ น้ำนมก็ค่อยๆสร้างมากขึ้นตามลำดับ จนแม่จะรู้สึกคัดตึงเต้านมหลังจากวันที่3-4 หลังคลอดไปแล้ว
แม่ที่ทำงานนอกบ้าน  จะให้นมแม่ต่อได้อย่างไร?”
                                       แม่ที่ให้นมแม่อย่างเดียวตลอด เมื่อจะกลับไปทำงานก็ยังให้นมแม่ต่อได้  ถ้าแม่มีความตั้งใจมุ่งมั่นจริง ก็มักจะหาหนทางจนได้   ข้อสำคัญคือ แม่ต้องมีความเชื่อมั่นว่านมแม่คือ อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก ลูกจะได้ภูมิคุ้มกันจากนมแม่ต่อเนื่อง ทำให้ไม่เจ็บป่วยบ่อย หรือถึงแม้ป่วยก็จะหายเร็ว  
                                                          ในช่วง  1 เดือนแรกหลังคลอด เป็นช่วงเวลาทำให้น้ำนมแม่มีปริมาณมากพอ  ให้ลูกดูดนมแม่อย่างเดียวโดยไม่ต้องให้ลูกดูดนมผสมจากขวดเลย
                                       หลังจาก 1 เดือน เริ่มฝึกหัดบีบนมแม่เพื่อเก็บไว้ให้ลูก  แม่ควรบีบน้ำนมแม่เก็บเพื่อคงการสร้างน้ำนมไว้  แม่อาจจะเริ่มฝึกหัดบีบหรือปั๊มนมจำนวนเล็กน้อยทุกวัน เก็บสะสมน้ำนมไว้ในตู้แช่แข็งที่บ้านเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนกลับไปทำงาน
          เมื่อลูกอายุ 1 ½ เดือน ถึง 2 เดือน2    
  1. ให้อุ้มลูกในท่าที่แม่เคยอุ้มเมื่อให้นมแม่ เช่น อุ้มให้กระชับในท่านอนตะแคงหน้าเข้าหาบริเวณอก หัวสูงเล็กน้อย ถือขวดนมให้จุกนมมาโผล่ใกล้ๆหน้าอกของคนอุ้ม
  2. ใช้จุกนมที่ค่อนข้างนิ่ม ถ้าเป็นจุกที่มีรูเล็กๆหลายรู จะคล้ายหัวนมแม่มากที่สุด  และควรใช้ขวดนมขนาดเล็กก่อนเพื่อให้ถือได้ง่าย
  3. ทำบรรยากาศให้ผ่อนคลาย นั่งเก้าอี้โยก เปิดเพลงเบาๆหรือทำห้องให้สลัว
  4.  มื้อแรกที่ให้นมจากขวด ควรใช้นมแม่ที่อุ่นพอดีเท่ากับอุณหภูมิร่างกายของแม่ เพื่อให้ลูกคุ้นเคย
  5. ในช่วงแรกๆอาจให้นมขณะลูกง่วง  จะทำให้ต่อต้านน้อยกว่า
 
          เมื่อแม่ไปทำงานแล้ว ( ลูกอายุ 3-4 เดือน ขึ้นไป)
  1. เช้าก่อนไปทำงาน ให้ลูกดูดนมจากอกแม่ หรือถ้าฝากเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงเด็กก็ให้ดูดนมแม่ที่นั่นก่อนเข้างาน
  2. เมื่ออยู่ที่ทำงาน ให้บีบน้ำนมออกทุก 3 ชั่วโมง เช่น ตอนสายๆ พักกลางวัน และตอนบ่ายๆ เก็บใส่ถุงเก็บนมแม่แช่ตู้เย็น หรือใส่กระติกน้ำแข็งไว้ เอากลับบ้านมาให้ลูกกินในวันรุ่งขึ้น  หรือแช่แข็งเก็บสะสมไว้
  3. เมื่อถึงบ้านช่วงเย็น อย่าเพิ่งให้พี่เลี้ยงป้อนนมในช่วง 2-3 ชั่วโมงก่อนแม่จะกลับ เพื่อลูกจะได้ดูดนมจากอกแม่ได้เต็มที่  ให้ลูกดูดเต้าตั้งแต่เย็นจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น  ทารกบางคนจะนอนนานในช่วงกลางวันที่แม่ไม่อยู่ เพื่อจะตื่นดูดนมแม่บ่อยในช่วงเย็นทดแทน
  4. ในระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้ลูกดูดนมแม่จากเต้าทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนมในสัปดาห์ต่อไป
                                      
การเก็บรักษาน้ำนมแม่
                                      
   หลังจากบีบน้ำนมแม่ออกมาแล้ว มีระยะเวลาที่จะเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นดังตารางต่อไปนี้
 
                  
นมแม่ อุณหภูมิห้อง ตู้เย็น (ช่องธรรมดา)     ตู้เย็น   (ช่องแช่แข็ง)
นมที่บีบเก็บใหม่ๆในภาชนะที่ปิด 1 ชั่วโมง      (ที่ > 25 ซ. )
6-8 ชั่วโมง (ที่ < 25 ซ. )
3-5 วัน               (ที่ < 40ซ ) 2 สัปดาห์ (ตู้เย็นประตูเดียว )
3 -6 เดือน ( ตู้เย็น 2 ประตู )
6 - 12 เดือน (ตู้แช่ไอศครีม  ที่ < -20 C )
นมที่ละลายหลังแช่แข็งแต่ยังไม่ได้อุ่นหรือใช้ (เช่นสำหรับมื้อต่อไป) < 4 ชั่วโมง 24 ชั่วโมง ไม่ควรแช่แข็งอีก
ละลายนอกตู้เย็นในน้ำอุ่น ชั่วเวลากิน 1 มื้อ 4 ชั่วโมง หรือจนถึงมื้อต่อไป ไม่ควรแช่แข็งอีก
นมที่ได้กินบ้างแล้ว ชั่วเวลากิน 1 มื้อ ทิ้ง ทิ้ง
 
การเอาน้ำนมแม่แช่แข็งออกมาใช้          
              1.ควรใช้นมที่บีบเก็บไว้เก่าสุดก่อน
2. ทารกอาจจะดื่มนมแม่ที่ยังเย็นอยู่  หรือ ที่อุณหภูมิห้อง ( 25 องศา  C) หรือ นมแม่ที่อุ่นแล้ว
                   3. ทำให้นมละลายโดยนำมาไว้ในช่องธรรมดาของตู้เย็นในคืนก่อนวันที่จะใช้นม
4. เมื่อจะให้ทารกกินนม นำภาชนะเก็บนมออกจากตู้เย็นเพื่อทิ้งให้หายเย็นหรือนำมาแช่ในหม้อใส่น้ำอุ่น โดยอย่าให้ระดับน้ำในหม้อขึ้นมาถึงปากภาชนะเก็บน้ำนม
5. ไม่ใช้ไมโครเวฟ หรือเตาไฟในการทำให้นมละลายหรืออุ่นนม เพราะจะทำลายสารภูมิต้านทานในน้ำนม และนมที่ร้อนเกินไปอาจลวกปากลูกได้
6. น้ำนมที่ทำให้ละลายแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นต้องใช้ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้านำออกมาอุ่นนอกตู้เย็นจะต้องใช้ภายใน 4 ชั่วโมง และไม่ควรนำกลับไปแช่แข็งอีก
7. น้ำนมที่บีบเก็บไว้ ไขมันอาจจะแยกชั้นลอยอยู่ จึงต้องเขย่าขวดนมเพียงเบาๆให้ไขมันละลายเป็นเนื้อเดียวกับนมก่อนนำไปป้อนให้ลูก  อย่าเขย่าแรงเกินไป
 
                                      
                                       หากคุณแม่ยังคงบีบน้ำนมแม่และให้ลูกดูดเต้าตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน คุณแม่จะมีน้ำนมให้ลูกไปได้เรื่อยๆ  ในช่วง 6  เดือนแรกให้กินแต่นมแม่อย่างเดียว หลังจาก 6 เดือนก็ยังคงให้นมแม่ได้ควบคู่กับอาหารตามวัย ไปจนถึงอายุ  2 ปี หรือนานกว่านั้น  การจะให้นมแม่ถึงเมื่อไรก็ขึ้นกับการตัดสินใจของแม่ลูกแต่ละคู่
                                       คุณแม่ทั้งที่อยู่บ้านหรือทำงานนอกบ้านที่ให้นมแม่ได้สำเร็จจะมีความภาคภูมิใจ และมีความผูกพันกับลูกอย่างแน่นแฟ้น ทั้งนี้ก็เพราะ คุณแม่ยังคงเป็น “ หนึ่งเดียวในดวงใจ” สำหรับลูกเสมอ 
                   
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :